|
ความหมาย |
|
วันมาฆบูชา หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือนมาฆะคือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓
หรือประมาณเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ถ้าปีใดเป็นปีที่มีอธิกมาส คือเดือน ๘ สองหน
วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔
หรือประมาณเดือนมีนาคมของปีนั้น
|
|
วันมาฆบูชา ถือว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง
เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประทานธรรมให้เป็นหลักการศึกษาและการปฏิบัติทั้งขั้นต่ำ
ขั้นกลาง และขั้นสูงในพระพุทธศาสนา
ดุจพระมหากษัตริย์ทรงประทานรัฐธรรมนูญของประเทศฉะนั้น
|
|
วันมาฆบูชา จัดวาเป็นวันประชุมใหญ่ของสาวก กล่าวคือเป็นวันที่พระอรหันตสาวก
๑,๒๕๐ องค์ ได้มาประชุมพร้อมกันประกอบด้วยองค์ประกอบ ๔ ประการ เรียกว่า
"จาตุรงคสันนิบาต" ณ วัดพระเวฬุวันมหาวิหาร ในพระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ
หลังจากพระพุทธองค์ตรัสรู้แล้ว ๙ เดือน พระพุทธองค์ทรงเห็นเป็นเวลาอันสมควรแล้ว
จึงประกาศหลักธรรมในพระพุทธศาสนา
เพื่อให้สาวกถือเป็นแนวเทศนาสั่งสอนและปฏิบัติของพุทธบริษัทสืบไป
โดยเป็นหลักใหญ่ของพระพุทธศาสนาเรียกว่า "โอวาทปาฏิโมกข์" แปลว่า
"ธรรมที่เป็นประธานแห่งโอวาท"
|
|
ในวันนี้เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง โอวาทปาติโมกข์นับเป็นวันที่พระพุทธศาสนาได้วางรากฐานมั่นคง
เรียกวันดังกล่าวว่า จาตุรงคสันติบาต ซึ่งประกอบไปด้วยองค์ 4 คือ 1.
พระภิกษุจำนวน 1,250 รูป มาประชุมกันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เวฬุวัน
กรุงราชคฤห์โดยมิได้นัดหมายกันแต่อย่างใด 2.
พระภิกษุเหล่านั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น 3.
พระภิกษุเหล่านั้นล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ทั้งสิ้น
4. ในวันนี้เป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะ |
|
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรรย์เหล่านี้
พระพุทธองค์จึงถือโอกาสแสดงโอวาทปาติโมกข์ซึ่งมีใจความที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนา
กล่าวคือ ไม่ทำความชั่ว ทำแต่ความดี และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส
พร้อมทั้งได้สอนหลักครู คือ หลักของการสอนไว้ด้วย เช่น ต้องมีความอดทน มุ่งความสงบ
อยู่ในระเบียบวินัย ตั้งใจแน่วแน่ ทำแต่ความดีมีคุณประโยชน์ ฯลฯ เป็นต้น |
|
สาเหตุของการชุมนุม
คงเนื่องมาจากภิกษุเหล่านั้นล้วนเคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อนและในวันเพ็ญเดือนมาฆะเป็นวันที่ทางศาสนาพราณ์ได้ประกอบพิธีศิวาราตรี
คือ การลอยบาปในแม่น้ำคงคา และประกอบพิธีสักการบูชาพระเป็นเจ้าในเทวสถาน
เมื่อถึงวันนั้น
พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าซึ่งเคยซึ่งเคยประกอบพิธีดังกล่าวจึงต่างพากันไปเฝ้าพระพุทธองค์ |
|
ในวันเพ็ญเดือนมาฆะยังมีเหตุกาณ์เกิดขึ้นอีกอย่างประการหนึ่งในสมัยพุทธกาล
กล่าวคือเป็นวันที่พระองค์ทรงปลงสังขารที่ปาวาลเจดีย์ แคล้นวัชชี เนื่องจากขณะนั้น
พระองค์มีพระชนมายุ 80 พรรษา ได้ทรงแสดงอิทธิบาท 4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา)
ให้แก่พระอานนท์ ว่าถ้าใครเจริญได้จะต่ออายุได้
แต่พระอานนท์ก็มิได้ทูลขอให้พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ต่อไปอีก
เมื่อพระอานนท์ออกจากที่เฝ้าแล้ว พระยามารจึงเขามาทูลขอให้พระองค์ปรินิพพาน
โดยอ้างว่ามีพุทธบริษัท 4 ครบแล้ว และพุทธศาสนาได้เจริญมั่นคงแล้ว
พระพุทธองค์ได้เปล่งวาจาว่าอีก 3 เดือนนับจากนี้ไปจะปรินิพพาน
พระวาจาของพระพุทธเจ้าที่ทรงเปล่งออกมาครั้งนี้เรียกว่า ทรงปลงอายุสังขาร
|
|
เมื่อมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น 2 อย่าง
จึงนับว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่งในพระพุทธศาสนาสมควรที่ชาวพุทธจะแสดงความระลึกถึงและจัดพิธีบูชาให้เป็นพิเศษต่างไปจากวันพระตามปกติ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมองเห็นความสำคัญนี้จึงได้โปรดให้มีพระราชพิธีประกอบการกุศลขึ้นในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เมื่อ พ.ศ. 2394 และให้เป็นงานหลวงตลอดไป ต่อมาได้แพร่กระจายไปตามวัดต่างๆ เช่น
วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ในที่สุดก็ขยายไปยังวัดอื่น ๆ
จนเป็นที่นิยมทั่วไป และทางราชการหยุด 1 วัน
เพื่อให้ข้าราชการมีโอกาสบำเพ็ญกุศลในวันนี้ ในวันนี้ชาวพุทธจะทำบุญตักบาตร ไปวัด
ฟังเทศน์ สวดมนต์ และเลี้ยงพระ
กลางคืนมีพิธีเดินเทียนหรือปัจจุบันหรือปัจจุบันนิยมเรียกว่า เวียนเทียน
เป็นการบูชาพิเศษ โดยทางวัดจะประกาสให้ทราบโดยกำหนดเวลาเวียนเทียนจะเป็นเวลาตอนเช้า
บ่าย หรือค่ำก็ได้แล้วแต่ความสะดวก ในกรุงเทพฯ มักเป็นเวลากลางคืนประมาณ 2 ทุ่ม
หรือ 3 ทุ่ม ชาวบ้านจะนำดอกไม้
ธูปเทียนมารวมกันที่หน้าอุโบถกหรือปูชนียวัตถุที่สำคัญในวัดแล้วแต่ทางวัดจะจัดทำพิธี
ณ ที่ใด (บางครั้งชาวบ้านจะหาซื้อดอกไม้ธูปเทียนได้ในบริเวณนั้น)
เมื่อถึงกำหนดเวลาพระสงฆ์ สามเณร จะมาชุมนุมกันในพระอุโบถก
สวดมนต์ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า(คำบูชาต่างกันไปซึ่งจะกำหนดใช้เฉพาะวันนั้น ๆ)
บางครั้งอาจมีคำแปล แปลภาษาบาลีให้ฟังด้วย
หลังจากนี้ผู้เป็นประธานในหมู่สงฆ์จุดธูปเทียนเดินนำหน้าพระสงฆ์ สามเณร
และชาวบ้านตามลำดับ โดยจัดแบ่งเป็นแถว ๆ ละ 4 คน บ้างแล้วแต่ความกว้างแคบของบริเวณ
ถือดอกไม้ธูปเทียนเดินเวียนขวา จำนวน 3 รอบ ครบ 3 รอบแล้ว
ปักดอกไม้ธูปเทียนในที่ที่จัดไว้เป็นอันเสร็จพิธีเวียนเทียน
ทางวัดอาจจัดให้มีการฟังเทศน์ โดยมากมักเทศน์โอวาทปาติโมกข์ และสวดโอวาทปาติโมกข์
อาจสวดก่อนหรือหลังเทศน์ก็ได้ บางวัดก็จัดให้มีเทศน์เรื่องอื่น ๆ อีกด้วย
จะจัดทำตลอดรุ่งหรือแล้วแต่จะเห็นสมควรก็ได้ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น